แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ความทุกข์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ความทุกข์ แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559

10 อย่างที่ “ควรทิ้ง” เพื่อชีวิตที่มีความสุข

10 อย่างที่ “ควรทิ้ง” เพื่อชีวิตที่มีความสุข
“ความสุข” ไม่ใช่เป้าหมาย แต่มันคือความรู้สึกของเรา ที่เราสามารถเลือกได้ ควบคุมได้
แต่หลายๆ คนมักจะลืม หลายๆ คนไขว่คว้าหาความสุขมาทั้งชีวิต แต่หารู้ไม่ว่ามันอยู่ที่การปรับมุมมองของเราในชีวิตเท่านั้นเอง…
และนี่คือ 10 อย่างในชีวิตที่ถ้าคุณยังมีอยู่…คุณ “ควรทิ้ง” มันซะ เพื่อชีวิตที่จะมีความสุขมากขึ้น!
1. ทิ้ง “ความอิจฉา”
เมื่อคุณเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นๆ มันจะดีก็ต่อเมื่อ มันเป็นแรงบันดาลใจให้คุณในการแข่งขัน และพัฒนาตัวเอง แต่มันจะเริ่มไม่ดี ถ้าความสำเร็จของคนอื่นทำให้คุณรู้สึกริษยา และไม่สามารถยินดีกับคนนั้นได้ นี่จะทำให้คุณทุกข์เอง
2. ทิ้ง “ความกลัวที่จะเปลี่ยน”
หลายๆ ครั้ง แม้สถานการณ์ปัจจุบันมันจะแย่แค่ไหน คนเราก็ไม่อยากที่จะเปลี่ยน กลัวที่จะเปลี่ยน เพราะกลัวสิ่งใหม่ มากกว่า แต่คุณหารู้ไม่ว่า บางที่สิ่งใหม่มันอาจจะดีกว่าสิ่งที่คุณเจออยู่มากมายก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น กล้าที่จะเปลี่ยนเถอะ
3. ทิ้ง “ความคิดที่ว่า ทุกอย่างต้องอยู่ในความควบคุม”
คนจำนวนไม่น้อย ชอบความเป๊ะ ชอบให้ทุกอย่างอยู่ในความควบคุม เป็นไปตามแผน แต่พอมันไม่เป็นไปตามนั้น ก็จะทุกข์ เพราะฉะนั้น ปล่อยวาง ทำให้เต็มที่ ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็รับมันซะ ไม่มีอะไรที่เราควบคุมได้หมดจริงๆ หรอก
4. ทิ้ง “การทำงานที่มากเกินไป โดยเฉพาะ OT”
เพื่อความสำเร็จ เพื่อหน้าที่การงาน หรือเพื่อเงิน ทำให้หลายๆ คนทำงานหนัก หนักเกินกว่าที่ควรจะเป็น เพิกเฉยความสำคัญของสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิต นี่ไม่ควรเลย เพราะสุดท้าย เมื่อคุณสำเร็จจริงๆ คุณจะเสียดายในหลายๆ อย่างที่คุณเสียไป และเอากลับคืนมาไม่ได้ อย่างเช่น เวลา หรือครอบครัว
5. ทิ้ง “การโทษคนอื่น หรือสิ่งอื่น”
หลายๆ คน เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น จะต้องหาสิ่งของ หรือ คนมารับผิดชอบให้ได้ ต้องโทษนู่น โทษนี่ตลอดเวลา เปลี่ยนจากแบบนั้น มาเป็นการนั่งมองที่ปัญหา และช่วยกันแก้ไขดีกว่านั้น
6. ทิ้ง “การบ่น หรือตำหนิตลอดเวลา”
แทนที่จะบ่น ตำหนิ เรื่องไม่ดี ที่ไม่ได้ดั่งใจเราตลอดเวลา เปลี่ยนมุมมองใหม่ เป็นการตั้งสติ มองว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร และแก้ไขอย่างไร แบบนี้คุณจะมีความสุขขึ้นเยอะเลย
7. ทิ้ง “ความคิดที่ว่าจะต้องถูกเสมอไป”
สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ไม่มีใครเก่งไปทุกเรื่อง การที่ต้องมานั่งเครียด กลัวว่าเราจะไม่ “สมบูรณ์แบบ” นั้น มันทำให้คุณไม่มีทางมีความสุขได้เลย ปล่อยวาง และยอมรับในธรรมชาติของมนุษย์เสียเถอะ
8. ทิ้ง “ความเชื่อที่จำกัดความสามารถคุณ”
บางคนมักมีความเชื่อที่ว่า เราทำนู่นไม่ได้ ทำนี่ไม่ได้ เราทำได้แค่นี้แหละ พอแล้ว ความคิดเหล่านี้ เป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุดในชีวิต ที่จะทำให้เราไม่ได้ทำในสิ่งที่เรารัก หรือท้าทายไปสู่ความสำเร็จจริงๆ
9. ทิ้ง “เพื่อนแย่ๆ”
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม และได้รับอิทธิพลจากคนรอบข้างค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้น อยากเป็นคนแบบไหน การคบเพื่อนคือเรื่องสำคัญ ถ้าเพื่อนดี คุณก็ดีไปด้วย ถ้าเพื่อนไม่ดี คุณก็พลอยแย่ไปด้วยนั่นเอง
10. ทิ้ง “อดีต”
อดีต คือประสบการณ์ที่มีทั้งดี และไม่ดี มันคือสิ่งที่สร้างตัวตนของเราขึ้นมา แต่มันไม่ควรเป็นสิ่งที่รวบรวมความเสียใจในอดีต และทำให้คุณก้าวไปไหนไม่ได้ เพราะฉะนั้น ถ้ามันเป็นแบบนั้น ปล่อยวาง และทิ้งมันไปบ้างก็ได้
Credit : Forwarded Line
ชุลีพร ช่วงรังษี

วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ยาแอนตี้ไบโอติก-สเตียรอยด์...ยิ่งกินยิ่งป่วย

เมื่อเอ่ยถึงยาแอนตี้ไบโอติก หรือยาปฏิชีวนะ ในการรับรู้ของคนทั่วไปในปัจจุบัน เราจะนึกถึงยาฆ่าเชื้อและยาแก้อักเสบ แต่จริงๆแล้ว ยาประเภทนี้คือ ยาฆ่าเชื้อ

ยาจำพวกแอนตี้ไบโอติก หรือยาปฏิชีวนะได้รับการค้นพบโดยหลุยส์ ปลาสเตอร์-นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสในทศวรรษที่ 1940 เป็นสารที่สร้างขึ้นและแยกได้จากจุลชีพชนิดหนึ่ง และออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตหรือทำลายเชื้อจุลชีพอีกกลุ่มหนึ่ง จุลชีพหรือเชื้อโรคนั้นๆ ได้แก่ แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และเชื้อปรสิต ยาตัวแรกที่มีการนำมาใช้คือ เพนนิซิลิน โดย 150 หลังจากนั้นก็มีการพัฒนาตัวยามาอีกหลายขนานด้วยกัน

เราสามารถแบ่งประเภทของยาแอนตี้ไบโอติกตามการออกฤทธิ์ของยา คือ

  • แบบฆ่าหรือทำลายเชื้อ มักมีกลไกการออกฤทธิ์ต่อผนังเซลล์ และต่อเมมเบรนของแบคทีเรีย
  • แบบยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ มักมีกลไกในการออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างโปรตีน ดังนั้นจึงต้องการระบบภูมิคุ้มกันมาเก็บเซลล์เม็ดเลือดกิน

วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กุญแจแห่งความสุข

สาเหตุแห่งความทุกข์ 7 ประการ

1.ทุกข์ที่เกิดจากการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่นเพื่อให้ได้รับการยอมรับ
2.ทุกข์ที่เกิดจากความเบื่อหน่ายในชีวิต ส่วนใหญ่เกิดในกลุ่มผู้มีฐานะดี สาเหตุที่เบื่อหน่ายก็เนื่องจาก ไม่มีความบันเทิงใหม่ๆ เข้ามาในชีวิตมากเท่าที่ต้องการ ทำให้ชีวิตเหงาหงอย และขาดพลังชีวิต
3. ทุกข์ที่เกิดจากความเหนื่อยอ่อน คือเหนื่อยใจ มิใช่การเหนื่อยกาย ที่เหนื่อยใจ เนื่องจาก ไม่รู้จักการ แบ่งแยกว่าเรื่องใด ควรคิดในเวลาใด เช่นทำงานอยู่อย่างหนึ่ง กลับคิดถึงอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ทำอยู่ เป็นต้น
4.ทุกข์ที่เกิดจากการอิจฉาริษยา มักเกิดกับเด็กที่เติบโตมาโดยไม่ได้รับความรักความอบอุ่นเท่าที่ควร
5.ทุกข์ที่เกิดจากความรู้สึกว่า ตนเองทำผิดตลอดเวลา คือ คิดถึงแต่อดีตที่ผิดพลาด
6.ทุกข์ที่เกิดจากวิตกจริต คือจิตที่คิดฟุ้งซ่าน คิดเกิน คิดขาด และมองโลกไม่ตรงตามความเป็นจริง
7.ทุกข์ที่เกิดจากความกลัว กลัวว่าคนอื่นจะไม่ยอมรับ ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากเราไม่รู้จักตัวเองดีพอ

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554

คนที่มีความสุขมากที่สุดในโลกก็คือพระในทางพุทธศาสนา

The happiest persons on earth !!!(You too, can be one of them !!!)

+ หนังสือ time magazine บอกว่า ที่อเมริกาได้ มีงานวิจัยพบ ว่าคนที่มีความ สุขมากที่สุดใน โลกก็คือพระใน ทางพุทธศาสนา
โดย ทดสอบด้วยการส แกนสมองของพระ ที่ ทำสมาธิและได้ผลลัพธ์ออกมาว่าเป็นจริง

+ หลัก ความเชื่อของ ศาสนาพุทธก็คือ เหตุที่ทำให้ เกิดความสุข นั้นก็คืออยู่ กับปัจจุบัน ขณะปล่อยวางได้ในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ควบคุมความอยาก ที่ไม่มีสิ้น สุด
ไม่ ใช้ความรุนแรง ไม่ทะเลาะ และ ใช้หลักเวรย่อม ระงับด้วยการ ไม่จองเวร ให้อภัยตัวเองและผู้อื่น มีจิตใจเมตตา กรุณา และเสียสละเพื่อผู้อื่น

+ อริยะ สัจ 4 สิ่ง ที่พระพุทธเจ้า ทรงค้นพบและบอก ไว้ด้วย ทุกข์ สมุทัย มรรค นิโรธ แท้จริงแล้วก็คือทางเดินไปหาคำว่า "ความ สุข"
เพราะ ถ้าเมื่อไรเรา กำจัด "ความ ทุกข์" ได้ แล้วความสุขก็ จะเกิดขึ้น ทันที

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เรามีความทุกข์ เพราะอะไร

การที่เรามีความทุกข์ทั้งหลาย เพราะอะไร?

ท่านพุทธทาสภิกขุ
"นี่ พระพุทธเจ้าท่านจึงเปลี่ยนว่า เรื่องนั้นพักไว้ก่อน พูดเรื่องนี้กันใหม่ว่า แกกําลังมีทุกข์เพราะอะไร? คนนั้นถ้าตอบให้ตรง ตอบให้ถูก ก็ต้องตอบว่า ทุกข์เพราะความอยาก คือ ตัณหา

มีกามตัณหา ภวตัณหา และวิภวตัณหา

ที่นี้ถามว่า ทําไมถึงมีตัณหา? ทําไมถึงไปอยากอย่างนั้น?

มันก็เพราะโง่ ไม่รู้ว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นเป็นอนัตตา ไม่รู้ว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น มันโง่ โง่คืออวิชชา

ดังนั้น ถ้าจะตัดตัณหาเสียให้ได้ ก็๋ต้องศึกษาให้มีความรู้ที่เป็นวิชชาขึ้นมาว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น คือ ไม่น่าเอาไม่น่าเป็น เมื่อเห็นความจริงข้อนี้แล้ว กามตัณหาก็ดับไป ภวตัณหาก็ดับไป วิภวตัณหาก็ดับไป

วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

โชคดี ที่มีความทุกข์

  โชคดี ที่มีความทุกข์


 


ใครหลายคนชอบคิดไปไกลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง...
สิ่งที่ยังไม่เกิด ความคิดนี่แหละ
ที่บั่นทอนพละกำลังส่วนหนึ่งของความสุข

ที่ควรจะเกิด ควรจะมี ให้ลดน้อยลงไป


บางขณะ เราน่าจะทำชีวิตให้ดีกว่านั้นได้ง่ายๆ
แต่เพราะความคิด ความกังวล
ทำให้สิ่งที่น่าจะง่าย กลายเป็นสิ่งยุ่งยาก
ถ้าความคิดบางอย่าง ยิ่งคิด ยิ่งเศร้า ยิ่งทำให้กังวล
ยิ่งไม่มีความสุข ยิ่งหวาดกลัววันข้างหน้า ก็อย่าไปคิดมันเลย


แค่ทำวันนี้ให้มีความสุข ทำให้ดีที่สุดกับเวลานี้ที่มีโอกาสนี้...
บางที ใครจะรู้ว่า อะไรๆที่ไปกังวลนั้น อาจจะมาไม่ถึงก็ได้..


ชีวิตอาจไม่ยาวนานถึงขนาดนั้น


ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้ จะตื่นหรือเปล่า
อย่ากังวลกับอะไรที่ยังมาไม่ถึง...
มองวันนี้ ทำวันนี้ มีความสุขกับทุกวินาทีนี้ .....
ที่ยังหายใจอยู่ดีกว่า เวลามีพอเสมอสำหรับความสุข .


ความทุกข์สร้างสิ่งมหัศจรรย์ ชีวิตที่พบความทุกข์ เป็นชีวิตที่แท้...


ไม่มีความทุกข์ก็ไม่มีการเติบโต
ความทุกข์เป็นพลังขับเคลื่อนให้หลายอย่างเกิด

ไม่มีใครไม่มีความทุกข์ เพราะนั่นคือการเป็นชีวิต
ความทุกข์สอนให้แต่ละคนเข้มแข็งในแง่มุมต่างๆ
ถ้าความทุกข์ไม่เข้ามาหา ก็จะไม่รู้ว่า ความสุขที่แท้เป็นอย่างไร
ไม่มีความทุกข์ ก็ไม่รู้จักความสุข......
เพราะความทุกข์พิสูจน์ความเป็นคน อ่อนแอ หรือเข้มแข็ง
ความทุกข์เป็นสิ่งท้าทายความสามารถ.....


ต่างจากความสุข ที่ทำให้อ่อนแอ มองโลกง่ายๆ แคบๆ


ความสุขเหมือนฝนพรำสาย
อ่อนโยน งดงาม บางเบา แต่ว่างเปล่า ไม่มีการเรียนรู้ใดในความสุข.......
เมื่อใดที่มีความทุกข์ ควรยิ้มรับ และคิดว่าโชคดีที่ได้เจอความทุกข์
ได้เรียนรู้การแก้ปัญหา ได้สงบ ได้สติ ได้ความนิ่ง ได้รู้จักโลก รู้จักตัวเอง
รู้จักการเติบโตทุกๆก้าว


ให้กำลังใจตัวเองมากๆ บอกตัวเองว่า


โชคดีที่วันนี้มีความทุกข์
เพราะเมื่อผ่านความทุกข์ ความสุขก็จะรออยู่เบื้องหน้า...
จงใช้ความทุกข์สร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้กับชีวิต.



ที่มา: www.thaihomemaster.com

วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ความทุกข์สร้างสิ่งมหัศจรรย์

สวัสดีครับ ทุกท่านอาจจะแปลกใจว่าบล็อกนี้นำเสนอแต่เรื่องความสุข แต่ทำไมวันนี้นำเสนอเรื่องความทุกข์ซะงั้น ไม่ต้องแปลกใจครับ เมื่อเราไม่เคยมีทุกข์ จะรู้ได้ไงว่าความสุขเป็นยังไง ถูกต้องไหมครับ แต่เราจะใช้ประโยชน์จากความทุกข์นั้นยังไง ที่จริงแล้วความทุกข์นั้นมีประโยชน์มากมายเลย ขึ้นอยู่กับวิธีคิดของเราต่างหาก ว่าจะทำอย่างไรกับมัน จากที่ได้นำเสนอเรื่องความสุขมาหลายเรื่องแล้ว ผมเลยลองเข้า google ค้นหาเรื่องเกี่ยวกับความทุกข์ดู ก็ได้เห็นบทความดีๆ มากมาย และก็สะดุดแนวคิดของบทความๆหนึ่ง ผมไม่ทราบที่มานะ เพราะว่าเห็นบทความนี้ขึ้นหลายเว็บมาก ก็เลยไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนเขียนเป็นคนแรก แต่ยังไงก็ต้องขอขอบคุณบทความดีๆนี้ด้วย ซึ่งเขาได้ใช้นามปากกาว่า "พี่ชาย" ยังไงก็ต้องขอขอบคุณพี่ชายมากๆนะครับ เรามาติดตามกันเลยว่า พี่ชายท่านนี้เขาเขียนไว้อย่างไรบ้าง ...

ความทุกข์สร้างสิ่งมหัศจรรย์
พวกเราทุกคน พวกเราทุกคนคงไม่มีใครที่เกิดมาแล้วไม่เคยประสบกับความทุกข์เลย และบ่อยครั้งที่เรามีความรู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจเมื่อต้องเผชิญกับความทุกข์ เพื่อหนีความทุกข์ที่เกิดขึ้นบางคนคิดฆ่าตัวตาย บางคนก็พึ่งเหล้า พึ่งยาเสพติด แต่ใครเล่าจะหนีความทุกข์เหล่านั้นไปได้

ความทุกข์สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1) ทุกข์กายที่เกิดจากร่างกายที่ไม่ปกติ เช่นเจ็บไข้ได้ป่วย ร่างกายไม่สมประกอบด้วยเหตุต่างๆ เป็นต้น
2) ทุกข์ใจอันเนื่องมาจากไม่ได้ตามที่ใจคาดหวัง เช่นทำงาน หรือดำเนินชีวิตไม่ได้ตามใจหวัง รักที่ไม่สมหวัง เป็นต้น

ในระหว่างทุกข์กายกับทุกข์ใจ ทุกข์ใจนั้นสำคัญกว่าหลายเท่านัก เพราะคนเราหากมีกำลังใจแล้วแม้กายเป็นทุกข์ ใจก็อาจมีสุขได้ แต่ในทางตรงข้ามหากกายสมบูรณ์แต่ใจอ่อนแอเป็นทุกข์คนเราก็มักจะต้องยอมพ่ายแพ้กับชีวิตกันอย่างง่ายๆ ทุกข์ใจนั้นเกิดจาก “ความยึดมั่นถือมั่นในตัวกูของกู” ยึดให้เป็นทุกข์ ถือด้วยอารมณ์เป็นความคิดที่ขาดสติ …..คิดมากๆ ก็อยากจะหนีทุกข์ คือไม่อยากให้ตนเองอยู่ในสภาวะที่เป็นทุกข์ ที่จริงแล้วถ้ามัวแต่หนีทุกข์หรือปฎิบัติเพื่อหนีทุกข์ด้วยวิธีต่างๆ เช่นดื่มของมึนเมา เสพยาเสพติด การทำตัวประชดคนใกล้ชิด เป็นต้น ก็ไม่มีวันจะพ้นจากทุกข์ได้ การหนีทุกข์ด้วยการกระทำเลี่ยงทุกข์นั้น จะทำให้ทุกข์หายไปจากจิตใจเพียงชั่วคราว แล้วกลับมาเกิดทุกข์ได้ใหม่ซึ่งอาจจะทุกข์มากกว่าเดิมเสียอีก เช่นทะเลาะกับคนรักก็หันไปหาสุรายาเมา ขับรถเกิดอุบัติเหตุเกิดทุกข์มากกว่าเก่า เป็นต้น

พวกคุณคงคิดว่าผมออกจะเพี้ยนแน่หากผมจะบอกว่า “ความทุกข์สร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้กับชีวิต” เพราะผมรู้สึกว่าชีวิตที่พบความทุกข์ เป็นชีวิตที่แท้จริง ไม่มีความทุกข์ก็ไม่มีการเติบโต ความทุกข์เป็นพลังขับเคลื่อนให้หลายอย่างเกิดขึ้น ผมกล้าบอกว่าไม่มีใครไม่มีความทุกข์ เพราะนั่นคือ “ชีวิต” การเผชิญหน้ากับทุกข์ เห็นทุกข์ตามความเป็นจริง เห็นความเกิดและดับของความทุกข์ทั้งปวง จนในที่สุดก็จะเข้าใจในประโยคที่ว่า "มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดมา และก็มีแต่ทุกข์เท่านั้นดับไป" หากเราสามารถมองเห็นความจริงของทุกข์แล้ว จิตจะปล่อยวางความทุกข์ เห็นความเป็นธรรมดาของทุกข์ที่เกิดขึ้น รู้ว่าไม่นานทุกข์นั้นก็จะต้องดับไปเองตามกฏของธรรมชาติ

ความทุกข์สอนให้แต่ละคนเข้มแข็งในแง่มุมต่างๆ ถ้าไม่มีความทุกข์ เราก็อาจจะไม่รู้จักความสุข ไม่ได้พบมิตรแท้ …..ไม่รู้ว่าความสุขที่แท้เป็นอย่างไร เพราะความทุกข์พิสูจน์ความเป็นคนอ่อนแอหรือเข้มแข็ง ความทุกข์เป็นสิ่งท้าทายความสามารถ.....ต่างจากความสุข ที่ทําให้เราอ่อนแอ มองโลกง่ายๆ แคบๆ ความสุขเหมือนสายฝนพรํา อ่อนโยน งดงาม เบาบาง แต่ว่างเปล่า ไม่มีการเรียนรู้ใดในความสุขนั้น.. อาหารจะอร่อยได้อย่างไรหากไร้รสชาติจริงไหมครับ…..

...เมื่อใดที่มีความทุกข์ คุณทั้งหลายควรหันหน้ามาเผชิญกับมันด้วยรอยยิ้ม ยิ้มรับที่ได้ทานอาหารที่อร่อยมีรสชาติ และคิดว่าโชคดีที่ได้เจอความทุกข์ ได้เรียนรู้การแก้ปัญหา ได้สงบ ได้สติ ได้ความนิ่ง ได้รู้จักโลก ได้รู้จักตัวเอง ได้รู้จักการเติบโตในทุกๆ ย่างก้าวของชีวิต..... เหล็กหากไม่ได้ผ่านการเผาและการตีเหล็กเหล่านั้นก็ด้อยค่า แต่เพราะเหล็กถูกเผาและตี เหล็กเหล่านั้นก็จะมีคุณค่ามากขึ้นฉันใดก็ฉันนั้น จงให้กําลังใจตัวเองมากๆ บอกตัวเองว่า โชคดีที่วันนี้มีความทุกข์ เพราะเมื่อความทุกข์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ความสุขก็จะรออยู่เบื้องหน้า..

...พวกเราจงใช้ความทุกข์ สร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้กับชีวิตกันเถอะ...

By: พี่ชาย