วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

10 วิธี จัดสรรการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

10 วิธี จัดสรรการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ใครๆ ก็รู้ว่าเวลาเป็นสิ่งมีค่ามากแค่ไหน ยิ่งสมัยนี้เวลาล้วนเป็นเงินเป็นทองทั้งสิ้น สิ่งสำคัญคือ คุณจะใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพได้มากแค่ไหน นี่คือวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณจัดสรรชีวิต แบ่งเวลาสำหรับกิจกรรมต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนี้

1. ใช้กระดาษโน้ต หรือ Post-it สำหรับงานที่ต้องการความเร่งด่วนที่สุด
2. สร้างรายการ สิ่งที่คุณต้องทำ รวมไว้ในกระดาษแผ่นเดียว
3. ไม่ว่าจะงานเล็ก งานใหญ่ ต้องจดให้ครบทุกงาน ห้ามลืมเด็ดขาด
4. สร้างโครงสร้างการทำงาน วางกรอบการทำงาน เพื่อให้จัดสรรเวลาได้ดีขึ้น
5. ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย หรือใช้เครื่องบันทึกเสียง ทุกครั้งที่บรรเจิดไอเดียใหม่ๆ ให้อัดเสียงไว้ทันที
6. แบ่งเวลาสำหรับการสื่อสาร เพื่อให้คุณมีสมาธิทำงานมากขึ้น ไม่สะดุด และไม่มีอะไรมาขัดขวางการทำงานได้
7. ใช้กระดาษ และปากกา ทิ้งสมาร์ทโฟนของคุณไปก่อน ลองหยิบกระดาษและปากกามาใช้บ้าง
8. จัดลำดับความสำคัญของงาน เน้นงานที่สำคัญที่สุด และไฮไลท์ว่าเป็นเรื่องที่ต้องทำอันดับแรก
9. ถ้าถึงช่วงวิกฤตจริงๆ การแบ่งเบางานให้คนอื่นทำบ้างจะช่วยให้งานเสร็จได้
10. ตื่นให้เช้าขึ้น ช่วงเช้าจะเป็นเวลาที่สงบ และเหมาะสมสำหรับการทำงานอย่างยิ่ง

ขอบคุณข้อมูลจาก:
www.marketingoops.com
(http://bit.ly/1M6tvGZ)

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ความสมดุลย์ นำความสำเร็จมาให้

***ความสมดุลย์ นำความสำเร็จมาให้***

"ความภูมิใจ"ในตัวเองเป็นสิ่งที่ดี
แต่ถ้าภูมิใจมากเกินไป
จนกลายเป็น "พูดข่ม" คนอื่นไปทั่ว
คุณจะกลายเป็นคน "คุยโว โอ้อวด"

"ความมั่นใจ" ในตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ
แต่ถ้ามั่นใจมากเกินไป
จนกลายเป็นคน "ไม่ฟัง" ใคร
คุณจะกลายเป็นคน "หยิ่งยะโส"

"ความรู้" เป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จ
แต่ถ้ามีความรู้มาก
จนคิดว่าตัวเอง "ถูกเสมอ"
คุณจะกลายเป็นคนมี "อีโก้"

"ความอ่อนน้อม"จะทำให้คุณเป็นคนน่ารัก
แต่ถ้ามีมากเกินไป
จนกลายเป็น "ยอม" ทุกคน
คุณจะกลายเป็นคน "อ่อนแอ"

"ความจริงจัง" จะทำให้คุณดูมุ่งมั่น
แต่ถ้ามีมากเกินไป
จนกลายเป็น "หวังผลลัพธ์สูง"
คุณจะกลายเป็นคน "เครียด" ตลอดเวลา

"ความนิ่ง" จะทำให้คุณดูสุขุม
แต่ถ้ามีมากเกินไป
จนกลายเป็นความ "เฉื่อยแฉะ"
คุณจะกลายเป็นคน "ไร้น้ำยา"

"บริหารตัวเองให้สมดุลย์"

"ภูมิใจ แต่ เคารพผู้อื่น"
"มั่นใจ แต่ พร้อมรับฟัง"
"อ่อนน้อม แต่ แข็งแกร่ง"
"จริงจัง แต่ มีความสุข"
"นิ่ง แต่ มีพลัง"

นี่คือ ***ความสมดุลย์ นำความสำเร็จมาให้***

"ความภูมิใจ"ในตัวเองเป็นสิ่งที่ดี
แต่ถ้าภูมิใจมากเกินไป
จนกลายเป็น "พูดข่ม" คนอื่นไปทั่ว
คุณจะกลายเป็นคน "คุยโว โอ้อวด"

"ความมั่นใจ" ในตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ
แต่ถ้ามั่นใจมากเกินไป
จนกลายเป็นคน "ไม่ฟัง" ใคร
คุณจะกลายเป็นคน "หยิ่งยะโส"

"ความรู้" เป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จ
แต่ถ้ามีความรู้มาก
จนคิดว่าตัวเอง "ถูกเสมอ"
คุณจะกลายเป็นคนมี "อีโก้"

"ความอ่อนน้อม"จะทำให้คุณเป็นคนน่ารัก
แต่ถ้ามีมากเกินไป
จนกลายเป็น "ยอม" ทุกคน
คุณจะกลายเป็นคน "อ่อนแอ"

"ความจริงจัง" จะทำให้คุณดูมุ่งมั่น
แต่ถ้ามีมากเกินไป
จนกลายเป็น "หวังผลลัพธ์สูง"
คุณจะกลายเป็นคน "เครียด" ตลอดเวลา

"ความนิ่ง" จะทำให้คุณดูสุขุม
แต่ถ้ามีมากเกินไป
จนกลายเป็นความ "เฉื่อยแฉะ"
คุณจะกลายเป็นคน "ไร้น้ำยา"

"บริหารตัวเองให้สมดุลย์"

"ภูมิใจ แต่ เคารพผู้อื่น"
"มั่นใจ แต่ พร้อมรับฟัง"
"อ่อนน้อม แต่ แข็งแกร่ง"
"จริงจัง แต่ มีความสุข"
"นิ่ง แต่ มีพลัง"

นี่คือ ศาสตร์แห่งความ "สมดุลย์"

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558

9 กำลังใจ อ่านกี่ครั้งๆก็ไม่เบื่อ

9 กำลังใจ อ่านกี่ครั้งๆก็ไม่เบื่อ

1. อย่ากลัว การเริ่มต้นใหม่
และอย่าแคร์ สายตาใคร
ตราบใดที่เรา ยังหายใจ
ด้วยจมูกของเราเอง

2. คนอื่น ไม่ให้โอกาสเรา
ยังไม่น่าเศร้า เท่ากับเรา
ไม่ให้โอกาสตัวเอง

3. กระจก ไม่เคยดูถูกใคร
มีแต่คนที่ไม่มั่นใจ ที่ดูถูกตัวเอง

4. คนฉลาด ไม่ใช่ผู้ที่ ชนะการโต้แย้ง
แต่คนฉลาด คือผู้ที่ออกห่าง
จากการโต้แย้ง ตั้งแต่เริ่มต้น

5. คนที่ใช้ชีวิตคุ้มค่า คือ
คนที่ได้ทำ ในสิ่งที่อยากทำ
ไม่ใช่เพราะได้ทำ
ในสิ่งที่ คนอื่นอยากให้ทำ

6. อย่าเป็นคนเก่ง ที่แล้งน้ำใจ
แต่จงเป็น คนธรรมดาทั่วไป
ที่มีน้ำใจ และไม่เห็นแก่ตัว

7. มองปัญหา ให้เหมือนกับ เม็ดทราย
ถึงจะเยอะมากมาย แต่เม็ดทราย ก็เล็กนิดเดียว

8. ไม่มีใครดีเลิศหรือ เพอร์เฟค หรอก
เพราะขนาดดินสอ ยังต้องมียางลบ

9. ใครจะดูถูกเรา ก็ปล่อยให้เค้าดูถูกไป
แต่จงท่องให้ขึ้นใจว่า เราจะไม่ดูถูกตัวเอง

วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

จาก ประสบการณ์ชั่วชีวิตคุณ อะไรคือบทเรียนสำคัญที่สุด ที่อยากจะฝากไว้ให้ลูกหลาน

อาจารย์ท่านหนึ่ง ของมหาวิทยาลัย Cornell ชื่อ Karl Pillemer ซึ่ง ได้ไปสัมภาษณ์ชาวอเมริกัน ที่อายุเกิน 70 ปีขึ้นไปมากกว่า 1,200 คน โดยคำถามเด็ดนั้นอยู่ที่ว่า “จาก ประสบการณ์ชั่วชีวิตคุณ อะไรคือบทเรียนสำคัญที่สุด ที่อยากจะฝากไว้ให้ลูกหลาน” แล้ว ก็นำมาเขียนเป็นหนังสือชื่อ 30 Lessons for Living ครับ แต่เขาได้คัดเลือกบทเรียนสำคัญ 10 ประการ ที่โดดเด่นเอาไว้ครับ โดยบทเรียนทั้ง 10 ประการ ประกอบด้วย

1. ให้เลือกอาชีพโดย
ดูจากความต้องการ ภายในมากกว่าผลตอบแทนด้านการเงิน โดยบรรดาผู้สูงวัยกล่าวว่า ความผิดพลาดสำคัญในการเลือกอาชีพของเขา คือ การเลือกอาชีพโดยดูจากผลตอบแทนมากกว่าสิ่งที่ชอบและคุณค่าของอาชีพ

2. ให้ปฏิบัติต่อร่างกาย
เหมือนกับต้องใช้งานไปอีกร้อยปี โดยให้ลดและเลิกพฤติกรรมที่ทำร้ายร่างกายเรา ไม่ว่าจะเป็นการ สูบบุหรี่ กินอาหารที่ไม่ดี หรือไม่ออกกำลังกาย พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เราเสียชีวิตในฉับพลัน แต่ทำให้เราเกิดความทรมานเมื่อสูงวัย

3. ตอบตกลงต่อโอกาส
ที่เข้ามา โดยเมื่อมีโอกาส หรือความท้าทายเข้ามา ต้องอย่าปฏิเสธครับ เพราะส่วนใหญ่มักจะมาเสียใจ หรือเสียดายในภายหลัง

4. เลือก คู่ด้วยความระมัดระวัง อย่ารีบร้อนตัดสินใจ ใช้เวลาในการดู และทำความรู้จักคนที่เราจะอยู่ด้วย อย่ารีบด่วนตัดสินใจที่จะอยู่ด้วยกัน จนกว่าจะรู้จักอีกฝ่ายหนึ่งอย่างถ่องแท้

5. เที่ยวให้มากไว้ (ชอบมากครับ) เมื่อมีโอกาสให้เดินทางครับ คนสูงวัยส่วนใหญ่จะมองย้อนกลับมายังโอกาสต่าง ๆ ที่ได้ท่องเที่ยวเดินทาง และมองว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ และมีคุณค่าของชีวิตเลยทีเดียว

6. ให้ พูดในสิ่งที่อยากจะพูด เนื่องจากเรามักจะเสียใจ และเสียดาย ว่าไม่ได้พูดในสิ่งที่เราอยากจะพูดกับหลาย ๆ คน เมื่อไม่มีโอกาส เราจะมีโอกาสแสดงความรู้สึกที่แท้จริงต่อผู้อื่นได้ ก็ต่อเมื่ออีกคนหนึ่งยังมีชีวิต อยู่เท่านั้นนะครับ

7. เวลาเป็นของมีค่า ชีวิตของเรานั้นแสนสั้น แต่ไม่ใช่ให้มานั่งเศร้านะครับ แต่ให้ ทำในสิ่งที่สำคัญ และมีค่าเดี๋ยวนี้ เนื่องจากยิ่งเราอายุมากขึ้น เราจะพบว่าเวลายิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วขึ้น

8. ความสุขเป็นสิ่งที่เราเลือกเอง ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจาก เงื่อนไขต่าง ๆ คำแนะนำหนึ่ง ก็คือ จงรับผิดชอบต่อความสุขของตัวเรา เองตลอดชีวิตเรา

9. การใช้เวลามานั่งกังวลต่อสิ่งต่าง ๆ นั้นเป็นการเสียเวลา ดังนั้น ให้ หยุดกังวลครับ หรือไม่ก็พยายามลดความกังวลลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความกังวลในสิ่งที่ไม่เกิดขึ้น

10. คิดเล็ก อย่าคิดใหญ่ ค่อย ๆ ซึมซับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เป็นสิ่งที่ดีในชีวิตเรา และมีความสุขกับสิ่งเหล่านั้นครับ

บทความโดย : Karl A. Pillemer  
ที่มา : Forward Mail

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

กฎ 12 ข้อในการสร้างทีมเวิร์ค

ทีมเวิร์คคืออะไร?

ทีมเวิร์คคือ "การทำงานที่ประสานกันเป็นหนึ่งเดียว มีหัวใจดวงเดียวคือเราต้องเป็นทีมแชมเปี้ยน"

หัวใจองค์กร(สาขา) คือ ทีมเวิร์ค

การสร้างทีมงานที่มีความเป็นเลิศคือการสร้างทีมงานที่มีความเก่งสมดุลย์กัน ทีมที่ดีใม่ต้องการวีรบุรุษวีรสตรี หรือใครเก่งคนเดียว ซึ่งในการทำให้องค์กร(สาขา)ของเราเป็นทีมเวิร์ค สามารถทำได้ง่ายๆคือ

กฎ 12 ข้อในการสร้างทีมเวิร์ค

1.ทุกคนทำงานด้วยความสนุก อยากทำงาน ไม่อยากหยุด
2.ทำงานด้วยบรรยากาศยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ทะเลาะกัน ไม่เกี่ยงงานกัน